ราคาซื้อขายกัญชง
การซื้อขายผลผลิตกัญชง มีส่วนคล้ายห้องค้าหุ้น แต่ก็มีส่วนต่าง
หุ้นนั้น ผู้ซื้อผู้ขายเกือบทั้งหมดไม่รู้จักกัน ซื้อขายแบบน้ำขึ้นน้ำลง…
หุ้นแต่ละหุ้นนั้น หากถือเป็นสินค้าก็มีมาตรฐานคัดมาแล้วในห้องซื้อขาย
แตกต่างจากช่อดอกกัญชง ที่ผู้ขายผู้ซื้อต้องมาคัดคุณภาพก่อนซื้อขาย!
หุ้นนั้นใครเสนอขายราคาถูก ผู้ขายมักขายได้และได้เงินไปใช้ก่อน
ผู้ใดเสนอราคาแพงก็ต้องรอผู้ซื้อที่สู้ราคา … ผู้ซื้อแพงมักมาทีหลังหรือโนโชว์
บางทีผู้ขายเก็งผิด ไม่มีคนซื้อ ราคาร่วงทุกวันเพราะยังไม่ตัดใจขาย!
ขาดทุนทุกๆวันที่หุ้นราคาร่วง สูญเสียโอกาส…
ช่อดอกกัญชงก็เป็นสินค้าราคาแพง ผู้ขายคือเจ้าของสินค้า
ต้นทุนสินค้าไม่สลับซับซ้อนเหมือนต้นทุนมือถือ
ทั้งผู้ขายผู้ซื้อต่างก็รู้ต้นทุนกัน และเกือบทุกคนรู้จักกันก่อนซื้อขาย
หากผู้ขายขายแพง ผู้ซื้อคงปลูกเองเพื่อลดต้นทุน
กลับกลายเป็นคู่แข่งผู้ขายขึ้นมาใหม่เสียเอง…
การคิดต้นทุนมาตรฐานหาอ่านจากกูเกิล!
ส่วนต้นทุนจริงต้องคิดรายละเอียดแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน
Economies of Scale คือ ต้นทุนจากขนาดของฟาร์ม
แต่ละคนแตกต่างกัน ! รวมต้นทุนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง…
บางคนใช้แรงงานพ่อแม่ บางคนจ้างคนเดียวดูแลฟาร์มทั้งฟาร์ม!
บางคนจ้างแบบมืออาชีพ จ่ายเท่าไรเท่ากัน!
บางคนใช้รถโตโยต้าขนส่ง บางคนใช้ซูเปอร์คาร์ขนช่อดอก
ขนเสร็จก็ไปรับแฟนสาวไปทานข้าวต่อ…
นั่นสำคัญกว่าอื่นใด…
ให้คิดต้นทุนกันให้เหมาะสมที่จะทำธุรกิจต่อเนื่องไม่ใช่ฮ้อบบี้!
ไม่ใช่ซื้อล็อตเตอรี่ แต่เป็นความมานะบากบั่น!
ต้นทุนต่ำ ผลผลิตต่อต้นต่อไร่ต่อต้นที่มาก คุณภาพที่ดี!
คือคำตอบสุดท้าย! ต้องหาและปฏิบัติกันเอาเอง…
หากยังหาไม่ได้ ให้สอบถามคนรอบข้าง
ยุคนี้ออนไลน์ หาข้อมูลได้หลายอย่าง
สำคัญคือทำให้ได้ อยู่ในขอบเขตลงทุน
หากยังหาไม่ได้ แนะนำให้อยู่บ้านดูบอลเขาเตะไปก่อน
จนพร้อมลงสนามไปชิงชัย จึงลงไป…
ทุกคนเป็นกำลังใจให้! จากนั้น…
เมื่อผู้ซื้อซื้อสินค้าไปก็ไปขายต่อหรือแปรรูปจนถึงมือสุดท้าย
มือสุดท้ายคือคนกินคนใช้ที่เป็นตัวตัดสินราคา…
หากสินค้าไม่ดีจริง ผู้ซื้อสุดท้ายซื้อครั้งเดียวไม่หวนกลับ
ดีมานด์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ก็หยุดยั้ง ธุรกิจเดินต่อไม่ได้!
ร้านเซเว่นร่ำรวยด้วยทดสอบราคาจากพวกเรานั่นเอง
กล้วยหอมทองลูกละแปดบาทขายเป็นลูก
ได้ราคามากกว่าขายเป็นหวีและเครือในตลาดสด
ทั้งทำเลสะดวก ติดแอร์ แพ็คเกจจิ้ง ราคาซอยย่อยต่อลูก
สุดท้าย คนบริโภคนั่นแหละตัดสินใจในราคาซื้อสุดท้าย
จากนั้น ย้อนถอยหลังมายังคนปลูกกล้วยตามราคารับซื้อเป็นทอดๆ
หากร้านเซเว่นกดราคารับซื้อเกษตรกรก็คงไม่มีกล้วยหอมไปขายทำกำไร
นี่คือสมดุลธุรกิจทั้งสินค้า ราคาและเวลา…
จึงว่า หากจะอยู่ยั่งยืนในธุรกิจกัญชง…
ผู้ขายให้คิดต้นทุนช่อดอกอย่างสมเหตุผล
ลงทุนครั้งแรกก็ซอยย่อยตามหลักค่าเสื่อมราคา
ไม่ใช่คิดต้นทุนซูเปอร์คาร์เวลาส่งช่อดอก…
ค่าใช้จ่ายรายฤดูกาลก็เป็นไปตามความจริง
หาต้นทุนตามจริงที่เหมาะสม
บวก+กำไรที่พึงได้ต่อรอบต่อปีเก็บเกี่ยว (คูณ2คูณ3)
เสนอขายตามราคาขายที่ยั่งยืนยาวนาน
คงไม่ขาดทุน … เพราะตลาดมีความต้องการยามนี้
ทั้งอาจจะได้กำไร 20%ต่อรอบหรืออาจ 60%ต่อปี
รายได้ดีกว่าปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหดร้ายผิดกฎหมาย!
หลายชาติสร้างตัวสร้างชาติจากการค้าขายตั้งราคาเช่นที่ว่า!
เพียงเท่านี้ ผู้ซื้อทั่วโลกคงแห่แหนเข้ามาไม่ต้องโฆษณาหา
แถมราคาปลายทางที่ไม่แพง ก็กระตุ้นดีมานด์ขึ้นมาใหม่ทุกๆวัน
ผู้บริโภคหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน
ทำให้ธุรกิจกัญชงอยู่ได้อย่างยาวนาน…
แข่งขันต่างชาติก็ยังได้แบบยั่งยืน!
แบบตัดราคาขายชนิดผู้ขายขายถูกก็ยังมีกำไรเพียงพอ
แต่หากผู้ขายสนใจขายราคาแบบครั้งเดียวผู้ซื้อแบกรับไม่ได้!
วงจรสร้างเศรษฐกิจใหม่คงหมุนไปได้ไม่ครบรอบ
ล้อเกวียนพังสะบั้น ล้อยางแตกปะไม่ได้ …
ระบบการค้าขายกัญชงแข่งขันไม่ได้
สิ่งที่ทุกคนคาดหวังกลับพังครืน
เพราะทุกคนยังไม่เข้าใจในกฎเกณฑ์ อุปสงค์ อุปทาน ราคาและเวลา!
จึงแลกเปลี่ยนมาให้อ่านดู!
สุดท้ายให้พิจารณา…
ผู้ขายเป็นเจ้าของสินค้า เป็นผู้ตั้งราคาจะไปบังคับผู้ซื้อไม่ได้!
หากผู้ขายเห็นว่าราคาต่ำ ก็ต้องหาผู้ซื้อรายอื่นๆทุกช่องทาง
เป็นหลักทั่วไปในการค้า … ทุกอย่างไม่มาเองถ้าไม่ไขว่คว้า
แต่ให้ยึดหลักคุณภาพสินค้าและราคา ผู้ซื้อจะมาเอง
ตราบใดที่สินค้ามีความต้องการในตลาด!
ผู้ซื้อซื้อสินค้าไปทำกำไรจนถึงปลายทาง…
แบ่งปันกำไรไปคนละตอน จนถึงตลาดต่างประเทศ
ทุกคนต่างร่ำรวยเพราะได้เงินค้าขาย
จากคนอาชีพอื่นในประเทศและทั่วโลก!
ID Line: nvitoon
11/2/65